เด็ก

รับบทแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดเฟี้ยว เลี้ยงลูกคนเดียวให้สมบูรณ์พร้อม

เด็ก

สังคมยุคปัจจุบัน มีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องมาจากการหย่าร้างที่สูงขึ้น ผู้หญิงเก่งและแกร่งขึ้น มีศักยภาพและความสามารถที่จะทำงานนอกบ้านไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วยโดยไม่จำเป็นต้องมีสามี แม้ว่าสำหรับคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะเป็นกรณีฉุกเฉินและร้ายแรงที่ต้องกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกะทันหัน แต่พวกเธอก็หาได้มีสามีใหม่มาเป็นพ่อเลี้ยงของลูกไม่ได้ ยังคงเดินหน้าเลี้ยงลูกอย่างสุดพลังด้วยตัวเองคนเดียว และอีกหลาย ๆ คนก็กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเธอไม่ได้ต้องการมีสามีแต่อยากมีลูก

แม้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวจะไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนอาจมองว่าการที่ลูกต้องเติบโตมาโดยไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมหน้าพ่อแม่อาจจะส่งผลต่อปัญหาสภาพจิตใจได้ แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการ คือให้ลูกเติบโตขึ้นมาพร้อมกับคุณภาพ ความรู้สึกที่เขาไม่ได้ขาดอะไรไป และยังรู้สึกได้ถึงความเป็นครอบครัว สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหยัดยืนอยู่ได้ คือ ความรักที่มอบให้ลูก จงยึดไว้ให้มั่นและเดินหน้าต่อไป

การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิลมัม (Single Mom) ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวอาจดูเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ไม่ได้เกินความสามารถของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรักของลูกเป็นแรงขับเคลื่อน ซิงเกิลมัมสามารถเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขตามลำพังได้ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและอุปสรรคที่ต้องเผชิญ รวมถึงนานาเคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์พร้อมทั้งกายและใจ

อุปสรรคของการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
การที่ต้องรับหน้าที่เลี้ยงลูกตามลำพัง อาจทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนรู้สึกหนักใจ เครียด กดดัน หรือเหนื่อยล้าทั้งจากการทำงานหาเงินและเลี้ยงลูกไปพร้อม ๆ กัน จนอาจเกิดปัญหาว่าคุณแม่ดูแลเอาใจใส่และสอนลูกได้ไม่เต็มที่ หากเด็กเข้าใจสถานการณ์ของแม่และยังรักดีก็ไม่มีปัญหา แต่เด็กหลายคนก็อาจมีปัญหาด้านนิสัยและพฤติกรรมได้เช่นกัน อีกทั้งหากเป็นครอบครัวที่ไม่มีฐานะมากนัก การหาเงินเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวอาจทำให้คุณแม่ต้องเผชิญปัญหาทางการเงินด้วย

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจเป็นกังวล คือ เด็กอาจรู้สึกขาดพ่อ มีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้าและขาดความเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าเด็กที่มีทั้งพ่อและแม่ อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมในเนเธอร์แลนด์ พบว่า เด็กที่โตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิลมัม ไม่ได้มีปัญหาจิตใจที่บอบช้ำแต่อย่างใด เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่โตในครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ รวมถึงไม่ได้มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ผิดปกติด้วย

โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้ศึกษาเปรียบเทียบจากแม่เด็กที่เลือกเป็นซิงเกิลมัม จำนวน 69 คน กับแม่เด็กที่ยังครองคู่กับสามี 59 คน ซึ่งมีลูกอายุระหว่าง 1.5 ขวบ–6 ขวบผู้หญิงที่ร่วมทำการวิจัยในครั้งนี้ ส่วนใหญ่มีสถานะทางการเงินดี มีการศึกษาสูง และมีความสัมพันธ์ที่ดีในอดีตกับคู่ของตน

ผลการศึกษาพบว่า ไม่มีความแตกต่างใด ๆ ในเรื่องของอารมณ์หรือความเครียด ระหว่างแม่เด็กที่ต้องดูแลลูกคนเดียว กับแม่เด็กที่ยังใช้ชีวิตคู่กับสามี เพราะแม้ผู้หญิงที่เป็นซิงเกิลมัมจะเลิกรากับคู่ของตนไปแล้ว ก็ยังได้รับกำลังใจและการสนับสนุนที่ดีจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเพื่อนบ้าน เมื่อแม่เด็กไม่มีปัญหาในเรื่องสภาพจิตใจ จึงไม่มีผลอะไรมาถึงการเลี้ยงดูลูก ทำให้เด็ก ๆ ที่เติบโตมาโดยไม่มีคุณพ่อ ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และไม่ได้มีลักษณะหรือสัญญาณใด ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องพฤติกรรม และสภาพจิตใจที่ย่ำแย่

ถ้ายังไม่หายกังวลก็ไม่ต้องเครียดไป เพียงแค่คุณแม่อาจต้องคอยสังเกตพฤติกรรมและสัญญาณผิดปกติของลูก ควบคู่ไปกับพูดคุยทำความเข้าใจ ถ้าเด็กมีปัญหาจริง ๆ คุณแม่อาจพาลูกไปปรึกษาแพทย์ได้ทันท่วงที

แต่ไม่ว่าสถานะซิงเกิลมัมจะได้มาด้วยเหตุผลใดก็ตาม การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในยุคนี้ใช่ว่าจะเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพไม่ได้ นี่คือ 6 กลยุทธ์ที่นิตยสาร American Baby แนะนำไว้ หากคิดจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ

1. มีทีมสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมักจะมีความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่การที่ยังรู้สึกว่าตัวเองมีคนให้การสนับสนุนอยู่นั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีแม่เลี้ยงเดี่ยวจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับว่าถึงจะรู้ดีว่าตัวเองต้องแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถอยู่เพียงลำพังหรือก้าวข้ามความรู้สึกหนักหน่วงไปเพียงลำพังได้ กำลังใจจากทีมสนับสนุนคือสิ่งที่คอยผลักดัน

2. ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
บางครั้งการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น อาจเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับคนที่เป็นซิงเกิลมัม เพราะมักรู้สึกเกรงใจหรือไม่ก็กลัวว่าจะเป็นภาระให้กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ทั้งที่บางคนในชีวิตของเราก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ขอเพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น

3. ลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่
ซิงเกิลมัมจำนวนมากมักติดกับในการเป็น “ซูเปอร์วูแมน” จึงมักหางานใส่ตัวตลอดเวลา อีกทั้งอยากให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมดด้วย จนแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทั้งที่ความเป็นจริงควรจะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตเสียใหม่ เพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนและมีเวลาอยู่กับลูกให้มากขึ้น

4. เลิกจมอยู่กับ “ความรู้สึกผิด”
ไม่ว่าจะแยกทางกับพ่อของลูกด้วยเหตุผลใด อย่าปล่อยให้ความรู้สึกผิดเข้ามาครอบงำเป็นอันขาด ไม่ว่าจะมีปัญหาต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาก็ตาม แต่ควรคิดถึงเรื่องที่ดี ๆ เกี่ยวกับครอบครัว และโฟกัสเฉพาะเรื่องลูกก็พอแล้วว่าเขาได้รับความรักและการเลี้ยงดูที่ดีพอแล้วหรือยัง

5. เลี้ยงดูลูกให้ดีและตั้งเป้าหมายในชีวิต
นอกจากเลี้ยงดูลูกให้ดีแล้ว การตั้งเป้าหมายในชีวิตยังทำให้เรามีพลังขับเคลื่อนที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า และทำชีวิตให้ดีขึ้นได้  ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใกล้ ๆ หรือเป้าหมายระยะไกล เช่น การตั้งเป้าลดน้ำหนัก ย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่มีสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับคนใหม่ ๆ

6. สงบศึกกับพ่อของลูก
สิ่งสำคัญสำหรับซิงเกิลมัมทุกคน คือการมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น คงจะดีกว่าหากจะไม่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ กับคนรักเก่า แม้ว่าอาจจบความความสัมพันธ์กับแบบไม่ดีนัก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันจนมองหน้าไม่ติด เพราะนั่นไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของลูกและของเราเอง

นอกจากนี้ Tonkit360 ยังมีคำแนะนำที่น่าสนใจในการรับมือการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ว่าคุณแม่จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้การเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ลำบากหรือรู้สึกแย่ในใจจนเกินไป

หยุดเปรียบเทียบชีวิตตนเองกับคนอื่น 
บอกกับตัวเองไว้เสมอว่าคุณไม่ใช่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ และเลิกส่องไอจีเพื่อนฝูงที่แต่งงานแล้ว แต่ยังมีชีวิตคู่ที่เพียบพร้อม แล้วเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตของตนเองเสียที เอาพลังงานไปในการส่องความสุขของคนอื่นบนโซเชียลมีเดียมาจัดการกับตัวเองดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องลูกที่คุณต้องใส่ใจเขาให้มากที่สุด

จงทำให้ชีวิตของคุณและลูกมีคุณค่า
หลังจากเลิกเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับครอบครัวของคนอื่นแล้ว คุณจะมีเวลาหันกลับมามองตัวเองและลูก ถ้าคุณยังจมอยู่กับน้ำตา ก็ขอให้ปาดทิ้งซะ แล้วหันไปสนใจว่าวันนี้ลูกของคุณจะกินอะไร คุณจะวางแผนอนาคตการศึกษาของลูกให้ไปทางไหน รวมไปถึงวางแผนอนาคตตัวคุณเองด้วยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร โดยที่คำว่า ครอบครัวที่ต่อให้มีเพียงคุณและลูกเท่านั้นยังคงอยู่ได้เช่นเดิม

คุณต้องดูแลตัวเอง เพื่อลูกของคุณ 
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะชีวิต 24 ชั่วโมง มันไม่พอ นอกจากทำงานหาเงินแล้ว งานบ้านก็ต้องทำ วางแผนการเงินเพื่ออนาคตของลูก เมื่อชีวิตมันยุ่งขนาดนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่หลายคนเลิกที่จะดูแลตัวเองไปเลย ถ้าคุณกำลังเป็นเช่นนั้น ต้องหันกลับมาคิดใหม่ว่า ลูกต้องการคุณ และเป็นการดีกว่าที่คุณจะตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ไปหาหมอฟันทุก 6 เดือน ออกกำลังกาย หรือดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีพอ การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องกลายเป็นยายป้าแร้งทึ้งหน้ามันตลอดเวลา เพราะเมื่อคุณสวย คุณแข็งแรง สุขภาพใจที่ดีก็ตามมา และจะทำให้คุณมีกำลังใจที่ดีในการดูแลลูกต่อไป

ยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่มีน้ำใจ
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนชอบบอกว่า “เกลียดความสงสาร” และรู้สึกว่าตัวเองจะอ่อนแอเกินไป ถ้าไปร้องของความช่วยเหลือจากใคร แต่ถ้าในกรณีที่มีคนยินดีจะยื่นมือมาช่วย ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณ พ่อแม่ของคุณ หรือเพื่อนของคุณ ก็ให้เขาช่วยเถอะไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งแบบปฏิเสธน้ำใจคน เพื่อที่คุณจะได้เก็บแรงบางส่วนไว้ก้าวไปข้างหน้าต่อ และความช่วยเหลือจากคนรอบตัวเราในบางครั้ง ก็เปรียบเสมือนกำลังใจที่ทำให้เราอยากลุกขึ้นมาสู้ต่อไป

หาที่ปรึกษาในกรณีที่คุณมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ 
การตัดสินใจในบางเรื่องนั้น บางครั้งคุณจะยังรู้สึกลังเล ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าเป็นเช่นนั้นให้ลองหาผู้ใหญ่ที่คุณเคารพ เพื่อนสนิทที่คุณไว้ใจ เพื่อขอคำปรึกษากับเรื่องที่คุณยังไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ขอให้ถามที่ปรึกษาทางการเงินที่คุณคิดว่าวางใจได้ก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ ลงไป

รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนเอาไว้ 
ชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เป็นทุกอย่างให้ลูกแล้วนั้น อาจทำให้คุณแม่กลายเป็นคนไม่สุงสิงกับเพื่อนฝูง อย่าปล่อยให้ชีวิตคุณเป็นแบบนั้น การหาเวลาให้กับตนเองได้พูดคุยกับเพื่อนฝูงเพื่อความสบายใจนั้น เป็นน้ำเลี้ยงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ลองหาเวลาช่วงกลางวันในวันหยุดที่คุณสามารถไปส่งลูกเรียนพิเศษ แล้วออกมานั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนสาวที่สนิทสนมกันสองสามคน การได้ยิ้ม ได้หัวเราะ เป็นการสร้างความสดชื่นให้กับชีวิตคุณ และความสัมพันธ์ที่คุณยังรักษาไว้กับเพื่อนที่รู้ใจนั้นจะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีให้คุณไม่รู้สึกเหมือนแบกโลกเอาไว้คนเดียว

Related Post